สำหรับขนแมวต้องบอกว่า “เป็นเพียงพาหะที่นำสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายของเราครับ สำหรับคนที่แพ้ขนแมว หรือแพ้โปรตีนแมว ต้องบอกว่าไม่ใช่ว่าไม่โดนขนแล้วจะไม่เกิดภูมิแพ้นะครับ แต่ตัวโปรตีนสามารถลอนในอากาศได้ด้วยเช่นกันครับ

เราไปเจาะลึกเรื่องการแพ้ขนแมวกันดีกว่าครับ
อาการต่างๆของการแพ้ขนแมว หรือโปรตีนแมว
- การแพ้ทางระบบทางเดินหายใจ
- อาการ:
- จาม
- คัดจมูก
- น้ำมูกไหล
- หายใจไม่สะดวก
- หอบหืด (ในคนที่มีโรคหอบหืดอยู่แล้ว อาจรุนแรงขึ้น)
- กลไก:
- สารก่อภูมิแพ้จากแมว (เช่น Fel d 1 ซึ่งเป็นโปรตีนหลักในน้ำลายและสะเก็ดผิวหนังของแมว) เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบและบวมในทางเดินหายใจ
- ความรุนแรง:
- อาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงขั้นหอบหืดรุนแรง
- การแพ้ทางผิวหนัง
- อาการ:
- ผื่นแดง
- คัน
- ลมพิษ (hives) ในบริเวณที่สัมผัสกับแมว
- กลไก:
- การสัมผัสโดยตรงกับโปรตีนในสะเก็ดผิวหนัง น้ำลาย หรือปัสสาวะแมว สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้เกิดอาการแพ้ในบริเวณที่สัมผัส
- ความรุนแรง:
- ส่วนใหญ่จะเป็นอาการเฉพาะที่ เช่น ผื่นหรือคันที่หายได้เองเมื่อหยุดสัมผัส
- การแพ้ทางตา (Allergic Conjunctivitis)
- อาการ:
- ตาแดง
- คันตา
- น้ำตาไหล
- ตาบวม
- กลไก:
- สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ดวงตาผ่านทางอากาศหรือการสัมผัส ทำให้เกิดการอักเสบในเยื่อบุตา
- ความรุนแรง:
- อาการมักไม่รุนแรงมากนัก แต่สามารถรบกวนการมองเห็นและทำให้ไม่สบายตา
- การแพ้แบบระบบ (Systemic Allergic Reaction)
- อาการ:
- หายใจลำบาก
- หลอดลมตีบ
- ความดันโลหิตต่ำ
- ช็อกแบบภูมิแพ้ (Anaphylaxis) (พบได้น้อยมาก)
- กลไก:
- ในกรณีที่มีการแพ้รุนแรงมาก ร่างกายจะตอบสนองต่อโปรตีนจากแมวในระดับที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดของร่างกาย
- ความรุนแรง:
- เป็นอันตรายถึงชีวิตและต้องได้รับการรักษาทันที
โปรตีนที่ก่อภูมิแพ้ในแมว
เจ้าตัวโปรตีนที่มาจากน้ำลายแมว หรือปัสสาวะของแมวนั้นมีอยู่ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกันครับ ขึ้นอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะแพ้ตัวไหน แต่ส่วนใหญ่นั้นมักมาจากโปรตีนจากน้ำลายครับ เดี๋ยวไปดูกันว่ามันต่างกันยังไงแบบง่ายๆ
Fel d 1
- โปรตีนหลักที่ทำให้เกิดการแพ้
- ผลิตจากต่อมไขมันและน้ำลายแมว
- มีขนาดเล็กและเบา สามารถลอยในอากาศและติดกับเฟอร์นิเจอร์
Fel d 2, Fel d 3, Fel d 4
- โปรตีนเสริมที่พบในน้ำลายและปัสสาวะแมว
- มีผลน้อยกว่า Fel d 1 แต่สามารถกระตุ้นภูมิแพ้ได้ในบางคน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพ้
พันธุกรรม:
- หากครอบครัวมีประวัติแพ้สารก่อภูมิแพ้ มีโอกาสสูงที่จะแพ้ขนแมว
ประเภทแมว:
- แมวแต่ละสายพันธุ์ผลิตโปรตีน Fel d 1 ในปริมาณที่แตกต่างกัน แมวไร้ขน เช่น Sphynx ก็ยังสามารถทำให้แพ้ได้
ปริมาณโปรตีน:
- แมวตัวผู้ที่ไม่ได้ทำหมันผลิต Fel d 1 มากกว่าแมวตัวเมียหรือตัวที่ทำหมัน
การจัดการอาการแพ้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง
- ลดการกอดหรือเล่นกับแมว
- ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส
รักษาความสะอาดในบ้าน
- ทำความสะอาดบ้านและเฟอร์นิเจอร์บ่อยครั้ง
- ใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
การรักษาทางการแพทย์
- ใช้ยาแก้แพ้ เช่น แอนติฮิสตามีน
- ใช้ยาสเตียรอยด์หากอาการรุนแรง
- การทำภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้เรื้อรัง
สรุป
สรุปแบบง่ายๆไม่เกิน 8 บรรทัดก็คือ ความจริงแล้วการแพ้ขนแมวไม่ได้เกิดจากการแพ้ขนโดยตรงครับ แต่มากจากการแพ้น้ำลายแมว ที่น้องมักจะเลียตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา และเมื่อขนได้ลอยไปในอากาศหรือมาโดนเข้าจมูกเรา อาการแพ้ก็เลยเกิดขึ้นนั่นเองครับ
และอย่าลืมนะครับว่า เจ้าตัวโปรตีนเนี่ยสามารถลอยในอากาศได้ด้วย ถึงจะไม่ได้สัมผัสขนโดยตรงก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ครับ